มาต่อเรื่อง Moto2 กับ Moto3 กันนะครับ
ทั้งสองรุ่นนี้ เปลี่ยนมาจากรุ่น 250cc กับ 125cc ในขณะที่ยังเป็น 2 จังหวะ ครับ
รายการเหล่านี้ ยังเปรียบสเมือนโรงเรียนบ่มเพาะนักแข่งฝีมือดี เพื่อก้าวไปสู่สังเวียนที่ดีที่สุดในโลกอย่าง MotoGP ครับ
อยากถามว่านักแข่งรุ่นเล็กๆ ทำยังไงถึงจะได้ย้ายมารุ่นใหญ่ ?
ปกติแล้ว นักแข่งที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปขับในรายการที่ใหญ่นั้น จะได้รับการพิจารณาก็ต่อเมื่อ
- ทำผลงานดี ซึ่งปกติควรจะได้ที่ 1, 2, 3 และไม่ใช่ได้เพียงปีเดียว อาจซักสองสามปี (แต่บางครั้งถ้าฟลุ๊คก็ปีเดียวพอครับ ซึ่งแล้วแต่ความจี๊ดอีกทีครับ)
- ต้องมีที่ว่างให้ด้วยครับ เพราะบางครั้งถึงทำผลงานดี ได้ที่ 1 รวดหลายปี แต่ไม่ได้ขึ้นก็มี อาจเป็นเพราะนักแข่งเดิมยังไม่หมดสัญญาเป็นต้น (ยกตัวอย่างผลงานดี แต่ไม่ได้เลื่อนซักทีอย่าง Max Biaggi แชมป์รุ่น 250 cc ถึง 4 สมัยติด จึงได้เลื่อนชั้นไปขับ 500cc)
แต่บางครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องทำผลงานดีเลิศเสมอไปครับ อย่างเช่นกรณีต่อไปนี้
- มีทีมเดียวกันอยู่ในรายการที่สูงกว่า แบบนี้สะบายครับ ไม่ต้องทำผลงานดีมากก็ได้ วันดีคืนดีก็จะได้ไปขับรุ่นใหญ่ เพราะมีทีมเดิม รองรับอยู่แล้ว และถือว่าเป็นเด็กปั้นของทีมด้วย (ยกตัวอย่าง Bradly Smith ที่ตอน Moto2 อยู่ Tech 3 แล้วขยับมาทีมญาติๆกัน นั่นคือ Monster Yamaha Tech 3 ในสังเวียน MotoGP ทั้งที่ผลงานก่อนนั้น ได้เพียงแค่อันดับ 9)
- พ่อรวย เป็นเจ้าของทีมเอง อันนี้เห็นกันจะๆครับ ยกตัวอย่าง Karel Abraham ย้ายมาขับ MotoGP ทั้งที่ผลงานใน Moto2 ได้เพียงอันดับ 10)
เอา Moto3 ก่อนละกันครับ (หมายเหตุ กติกาเหล่านี้สรุปมาเฉพาะที่สำคัญๆ ที่จริงมีเยอะกว่านี้อีกครับ)
-- กติกาเครื่องยนต์ บังคับว่าต้องเป็น 4 จังหวะ สูบเดียวเท่านั้น และมีความจุไม่เกิน 250 cc ความกว้างกระบอกสูบไม่เกิน 81 mm.
-- ลูกสูบ, เสื้อสูบ บังคับว่าต้องทำมาจาก Alluminum alloy
-- รอบเครื่องยนต์สูงสุดไม่เกิน 14,000 rpm ซึ่งจะถูกควบคุมโดย ECU มาตรฐานจากของรายการ
-- ราคาเครื่องยนต์ต้องไม่เกิน 12,000 ยูโร ต่อเครื่อง
-- อนุญาตแค่ 8 เครื่องต่อนักแข่งต่อฤดูกาล (ปี 2014 จะเหลือแค่ 6) สำหรับแต่ละ Session เท่านั้น (นอกเหนือจากนี้ เช่นการ Test ใช้กี่เครื่องก็ได้)
-- ส่วนเรื่องระบบส่งกำลังจะคล้ายกับกติกา MotoGP ที่กล่าวไว้ใน ภาค 1 ครับ
-- ระบบเบรค ห้ามใช้ ABS
-- ขนาดล้อบังคับตามนี้
ล้อหน้า 2.5" x 17"
ล้อหลัง 3.5" x 17"
-- น้ำหนักของรถ+นักแข่ง ต้องไม่ต่ำกว่า 148 กก.
-- ความดังท่อวัดห่างจากปลายท่อ 50 cm ต้องไม่เกิน 115 dB ที่ 5,500 rpm
กติกาทั่วๆไป
-- อายุนักแข่งต้องห้ามต่ำกว่า 16 ปี (ส่วน 18 ปี นั่นมันหนังอย่างว่าแล้ว) และต้องไม่เกิน 28 ปี สำหรับนักแข่งหน้าตาดี เอ้ย! หน้าเก่าครับ (25 ปี สำหรับหน้าใหม่ที่เข้าร่วมในปีนั้น หรือเป็นนักแข่ง Wild Card ที่มาแข่งแทนนักแข่งหลัก)
-- การเลือกเบอร์รถ ก็เหมือนทั่วๆไปคือ เรียงลำดับผลงานจากปีที่แล้ว ใครผลงานดีก็จะได้เลือกก่อน
-- หมวกกันน๊อคของนักขับต้องได้มาตรฐานอย่างใดอย่างหนึ่งตามนี้เท่านั้น
Europe : ECE 22-05 ‘P’
Japan : JIS T 8133: 2007 (valid until 31.12.2015)
USA : SNELL M 2010
ไทย : ม.อ.ก. เท่านั้น (พี่ตั้มสั่งมา ฮาาา)
สำหรับ Moto2 ครับ
-- กติกาเครื่องยนต์ บังคับว่าต้องใช้ของทางรายการที่จัดให้ นั่นคือเครื่อง CBR600R ของ Honda นั่นเอง และไม่อนุญาติให้มีการปรับแต่งใดๆจากทีม นอกจากได้รับอนุญาตในบางกรณีเท่านั้น
-- ระบบระบายความร้อนอย่างหม้อน้ำ สามารถออกแบบได้อย่างอิสระ แต่สำหรับ Oil Cooler จะบังคับใช้ของทางรายการเท่านั้น
-- ระบบ ECU ให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ และให้ใช้ตามผู้ผลิตมาตรฐานที่จัดให้เท่านั้น
-- ส่วนเรื่องระบบส่งกำลังจะคล้ายกับกติกา MotoGP ที่กล่าวไว้ใน ภาค 1 ครับ
-- ระบบเบรค ห้ามใช้ ABS
-- ขนาดล้อบังคับตามนี้
ล้อหน้า 3.75" x 17"
ล้อหลัง 6.00" x 17"
-- น้ำหนักของรถ+นักแข่ง ต้องไม่ต่ำกว่า 215 กก.
-- ความดังท่อวัดห่างจากปลายท่อ 50 cm ต้องไม่เกิน 115 dB ที่ 5,500 rpm
กติกาทั่วๆไป
-- อายุนักแข่งต้องห้ามต่ำกว่า 16 ปีเช่นกัน และต้องไม่เกิน 50 ปี
-- การเลือกเบอร์รถ ก็เหมือนทั่วๆไปคือ เรียงลำดับผลงานจากปีที่แล้ว ใครผลงานดีก็จะได้เลือกก่อน
-- หมวกกันน๊อคมาตรฐานคล้ายๆกัน (แต่ใช้ของไทยจะถูกกว่า ฮาาา)
Credit:สมาชิกหมายเลข 883827
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น